รมว.อุตฯ ฟังผลตรวจเหมืองทองคำ พบได้มาตรฐาน ไม่มีไซยาไนด์รั่ว เมื่อวันที่ 22 เม.ย.

รมว.อุตฯ

รมว.อุตฯ เรียกประชุมฟังผลสอบบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก เข้าตรวจเหมืองแร่ทองคำชาตรี ของบริษัทอัคราฯ พบดำเนินงานตามมาตรฐานสากล ไม่ได้เป็นต้นเหตุของไซยาไนด์รั่ว ที่พบในนาข้าว จ่อลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อม รมว. 4 กระทรวงวันนี้...

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2559 เวลา 07.30 น. นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม ได้เรียกประชุมเพื่อรับฟังข้อมูลการตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานเหมืองแร่ทองคำชาตรี ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หลังจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ได้พิจารณาเลือก บริษัท แบร์ โดแบร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด (Bhere Dolbear International Limited) ให้เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบและประเมินผลอย่างละเอียด จากรายงานผลการตรวจสอบปรากฏว่าเหมืองแร่ทองคำดังกล่าว มีการดำเนินงานที่ได้มาตรฐานสากลในทุกๆ ด้าน มีการนำเทคโลโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในทุกขั้นตอน ทำให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม เทียบเท่าเหมืองแร่ชั้นนำทั่วโลก

นอกจากนี้ ยังไม่พบการรั่วไหลของไซยาไนด์ออกจากบ่อกักเก็บกากแร่สู่ชุมชนแต่อย่างใด โดยลักษณะของไซยาไนด์ในบ่อกักเก็บการแร่ของบริษัทฯ กับไซยาไนด์ที่พบในนาข้าวและมีผู้อ้างว่าเกิดจากการรั่วไหลมาจากในเหมืองนั้น มีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงทำให้เชื่อได้ว่าเหมืองแร่ทองคำชาตรี ไม่ได้เป็นสาเหตุการพบไซยาไนด์ดังกล่าวในนาข้าวตามที่กล่าวอ้าง

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า บริษัทที่ปรึกษาได้รายงานในที่ประชุมว่า บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) มีการจัดการเรื่องสารไซยาไนด์ตามมาตรฐานสากล มีการจัดการที่ดี ตั้งแต่การขนส่ง การใช้ และเมื่อใช้เสร็จแล้วได้มีกระบวนการทำให้สารมีความเข้มข้นน้อยลง ก่อนนำไปไว้ที่บ่อกักเก็บกากแร่ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่มีอีกหนึ่งหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นที่ปรึกษาระดับโลกมาทำการศึกษาให้

อย่างไรก็ตาม จะต้องนำมาเทียบกับคณะทำงานว่ามีความสอดคล้องหรือไม่ แล้วนำมาคุยกันและจะนำผลรายงานดังกล่าวพิจารณาประกอบกับข้อมูลที่รัฐมนตรี ทั้ง 4 กระทรวง คืออุตสาหกรรม, สาธารณสุข, วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะลงพื้นที่รับฟังข้อมูลจากประชาชนทั้งผู้สนับสนุน และผู้คัดค้านในจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก พร้อมตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของเหมืองแร่ทองคำชาตรี เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำควบคู่ไปพร้อมกัน ในวันเสาร์ที่ 23 เม.ย. 2559 นี้

ด้านนายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผจก.ฝ่ายประสานกิจการภายนอก บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ข้อกำหนด และข้อสั่งการจากทางราชการอย่างเคร่งครัด พร้อมนำเสนอรายงานผลด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมทุกอย่าง โดยมีทั้งผลการศึกษาจากของบริษัทเอง และจากหน่วยงานภายนอกทั้งจากภาครัฐและเอกชนอย่างครบถ้วนเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว ขอยืนยันว่าบริษัทอัคราฯ ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด และยึดหลัก EHIA คือการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของทุกชีวิตในพื้นที่บริเวณรอบเหมืองอย่างรอบด้าน มั่นใจว่าได้ดำเนินทุกขั้นตอนตามกฎหมายและหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด

พร้อมแสดงความจริงใจให้บริษัท แบร์ โดแบร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด ที่ทางกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้พิจารณาเลือกให้เป็นบริษัทที่ปรึกษาให้แก่บริษัท ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบและประเมินมาตรฐานการปฏิบัติงานของเหมืองแร่ทองคำทั่วโลกมากว่า 100 ปี โดยทำงานให้กับองค์กรระดับโลกหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นองค์การสหประชาชาติ และธนาคารโลก เป็นต้น ได้มาตรวจสอบและประเมินมาตรฐานของเหมืองแร่ทองคำชาตรีอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน

ส่วนนายมัลคอม แฮนคอค ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท แบร์ โดแบร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลกที่มาตรวจสอบเหมืองแร่ชาตรี ของบริษัทอัคราฯ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบและประเมินผลพบว่า บริษัทอัคราฯ ได้ทำทุกอย่างตามมาตรฐานสากลที่เทียบได้กับเหมืองแร่ชั้นนำทั่วโลก ไม่มีทางที่ไซยาไนด์รั่วไหลออกไปนอกพื้นที่ได้เลย และไม่พบการปนเปื้อนจากสารไซยาไนด์และสารหนูทั้งในน้ำอุปโภค บริโภค พืช ผัก ตลอดจนฝุ่นละอองในชุมชนก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ทางด้านสุขภาพก็ไม่พบการเจ็บป่วยที่เกิดจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ ไม่มีหลักฐานว่าสารไซยาไนด์ได้รั่วไหลจากบ่อเก็บกากแร่ไปสู่ระบบน้ำบาดาลใน บริเวณโดยรอบ นอกจากนี้ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าสารตกค้างจากไซยาไนด์ที่ในกากแร่ ซึ่งมีความเข้มข้นต่ำมาก จะสามารถส่งผลกระทบต่อชั้นหินอุ้มน้ำบาดาลโดยรอบ

“เราได้ตรวจสอบการวิเคราะห์สารเคมีในน้ำระหว่างตัวอย่างน้ำจากนาข้าวและแอ่งน้ำในบ่อกักเก็บกากแร่ 2 และบ่อเก็บกากแร่ 1 ว่ามีความแตกต่างกันมาก เราเห็นว่าเป็นไปได้ยากที่การปนเปื้อนจะเกิดจากการรั่วไหลของน้ำจากบ่อกัก เก็บกากแร่ของบริษัทฯ ซึ่งจะมีการส่งรายงานผลการตรวจสอบ พร้อมรายละเอียดและตัวอย่างการนำมาตรฐานการดำเนินงานของเหมืองแร่ทองคำชาตรี มาเทียบกับมาตรฐานเหมืองแร่ทองคำอื่นๆ ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก แก่ท่านรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมได้ทราบข้อเท็จจริง พร้อมเผยแพร่ให้สาธารณะชนได้รับทราบในวันที่ 23 เมษายนนี้” นายมัลคอลกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน เวลา 14.00 น. รมว.อุตสาหกรรม ได้เป็นประธานในการประชุมผลสรุปเบื้องต้นจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัทอัคราฯ ที่ห้องประชุมทองคำ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานร่วม และมีผู้แทนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาชน และผู้ประกอบการเหมืองแร่ ร่วมเป็นคณะกรรมการ

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯได้ประชุมหารือและแต่งตั้งคณะทำงานชุดต่างๆ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาผลกระทบทั้งด้านสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ตามหลักวิชาการอย่างรอบด้านมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด เพื่อหาข้อสรุปที่แท้จริงโดยเร็วว่าการทำเหมืองแร่ทองคำ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลกระทบดังกล่าวจริงหรือไม่ โดยการประชุมเสร็จส้ินเวลา 19.30 น.

จากนั้นนางอรรชกา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า ต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาดูบางเรื่อง อย่างเช่นเรื่องปรับปรุงคุณภาพน้ำต้องทำต่อไป แม้จะบอกว่าสารต่างๆ พบได้ตามธรรมชาติ ต้องให้ความรู้ประชาชนเรื่องพืชผักที่พบว่ามีสารต่างๆ ตามธรรมชาติเช่นกัน แม้จะไม่เกินเกณฑ์ก็ต้องให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่ประชาชน จะรับประทานอย่างถูกหลักได้อย่างไร ซึ่งต้องคุยกันกับหลายฝ่าย โดยวันที่ 23 เม.ย.นี้ และนับว่าเป็นโอกาสดีในการลงพื้นที่ครั้งนี้ จะได้มีการมอบเงินกองทุนพัฒนาชุมชนให้ผู้ว่าการจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก นำเงินไปใช้ในโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนต่อไป.